Paramount ยื่นคำร้องเมื่อวันศุกร์เพื่อยกฟ้องคดีที่อ้างว่า “Top Gun : Maverick” ละเมิดลิขสิทธิ์บทความใน

Paramount ยื่นคำร้องเมื่อวันศุกร์เพื่อยกฟ้องคดีที่อ้างถึงว่า “Top Gun : Maverick” ละเมิดลิขสิทธิ์บทความในแมกกาซีนปี 1983 ที่เป็นที่มาที่ไปของภาพยนตร์ต้นฉบับจากการที่ Shosh แล้วก็ Yuval Yonay หญิงม่ายและลูกชายของนักประพันธ์ Ehud Yonay ที่เรียกว่าฯลฯฉบับของ”Top Gun” ได้ยื่นฟ้องในมิถานายนโดยโต้วาทีว่าสตูดิโอสร้างภาคต่อโดยไม่ยืดอายุลิขสิทธิ์ในบทความก่อนซึ่งสำหรับในการเสนอให้ยกฟ้อง Paramount คัดค้านว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับสิทธิ์ด้วยเหตุว่าท็อปกันมาเวอร์ริคสำเร็จงานนิยายที่เกือบจะไม่มีอะไรเหมือนกันกับบทความที่ไม่ใช่นิยาย

Paramount ยกฟ้องเรื่องคดีลิขสิทธิ์ของ ‘Top Gun: Maverick’ แล้ว รีวิวหนัง รีวิวภาพยนตร์ไทย รีวิวซีปรี่ย์ รีวิวการ์ตูน Netflix Paramount TopGunMaverick

Paramount ยกฟ้องเรื่องคดีลิขสิทธิ์ของ ‘Top Gun: Maverick’ แล้ว

และก็ข้อพิสูจน์แล้วก็แนวคิดที่ถ่ายทอดออกมา บทความไม่สามารถมีลิขสิทธิ์ และก็ได้เปิดเผยว่า Paramount “(A) ความคล้ายกันระหว่างงานที่ต่างกันเป็นอันมากเหล่านี้เป็นผลมาจากข้อสรุปที่ว่า Top Gun เป็นสถานที่ฝึกฝนกองทัพเรือที่แท้จริง” ทนายของสตูดิโอคัดค้าน “โจทก์มิได้ผูกขาดงานเกี่ยวกับ Top Gun”

Paramount ยกฟ้องเรื่องคดีลิขสิทธิ์ของ ‘Top Gun: Maverick’ แล้ว รีวิวหนัง รีวิวภาพยนตร์ไทย รีวิวซีรี่ย์ รีวิวการ์ตูน Netflix Paramount TopGunMaverick

Paramount ยกฟ้องเรื่องคดีลิขสิทธิ์ของ ‘Top Gun: Maverick’ แล้ว

“Top Gun : Maverick” เดินหน้ากวาดรายได้อย่างสม่ำเสมอแล้วก็สามารถล้มสถิติ Avengers: Endgame ได้แล้ว

Paramount ได้รับประกันสิทธิ์ในรูปภาพยนตร์ในบทความของ Yonay สำหรับต้นฉบับ “Top Gun” ซึ่งเปิดตัวในปี 1986 กฎหมายลิขสิทธิ์อนุญาตให้ผู้เขียนขอคืนผลงานของพวกเขาภายหลัง 35 ปี Yonay เสียชีวิตในปี 2555 แต่ว่าเมียม่ายรวมทั้งลูกชายของเขายื่นคำร้องในปี 2561 เพื่อยุติลิขสิทธิ์ของสตูดิโอในบทความที่คดีความจำเป็นต้องใช้ความเจ็บสำหรับเพื่อการบันทึกข้อกล่าวหาที่คล้ายกันจำนวนมากระหว่างบทความรวมทั้งภาคต่อ การร้องเรียนยังกำหนดเพราะ Yonay ใช้ภาษาที่ “สดชื่นแล้วก็เป็นภาพยนตร์” เพื่อทำให้สดชื่นขึ้นในสิ่งที่บางทีอาจเป็นเพียงการบรรยายความเป็นจริงเพียงแค่นั้นแม้กระนั้นในทางกลับกันยิ่งย้ำถึงความแตกต่างระหว่างงานทั้งสองซึ่งการเคลื่อนไหวของสตูดิโอยังบอกเหตุผลว่าความคล้ายคลึงกันบางสิ่งเป็นเพียงส่วนประกอบปกติที่ไม่มีใครสามารถกล่าวถึงว่าเป็นเจ้าของได้

Paramount ยกฟ้องเรื่องคดีลิขสิทธิ์ของ ‘Top Gun: Maverick’ แล้ว รีวิวหนัง รีวิวภาพยนตร์ไทย รีวิวซีรี่ย์ รีวิวการ์ตูน Netflix Paramount TopGunMaverick

Paramount ยกฟ้องเรื่องคดีลิขสิทธิ์ของ ‘Top Gun: Maverick’ แล้ว

“นักบินเครื่องบินเฉดหัวไล่ (E)lite สุดที่รักการบิน รวมทั้งอุทิศตนเพื่องานหัตถกรรมแล้วก็การประลอง เป็นความจริงที่อธิบายเอาไว้ในบทความ” การเคลื่อนไหวระบุ “โจทก์มิได้ผูกขาดความจริงพวกนี้ (ไม่ธรรมดา) เพียงแค่เพราะเหตุว่าโยเนย์เคยรายงานเรื่องนี้” ทนายความของสตูดิโอคัดค้าน

Yonays ได้ขอคำบัญชาห้ามที่จะห้าม Paramount จากวิธีการทำผลกำไรจากภาพยนตร์ประเด็นนี้ ซึ่งทำรายได้ไป 1.4 พันล้านดอลลาร์ทั้งโลก Paramount แย้งว่าพวกเขาไม่มีโอกาสที่กำลังจะได้รับชัยสำหรับการเรียกร้องการละเมิดของพวกเขา และฉะนั้นคำบัญชาห้ามจำเป็นต้องถูกไม่ยอมรับที่จะฉาย “Top Gun : Maverick” ถัดไปและภาคต่อ Paramount ที่ดูแลโดยโจเซฟ โคซินสกี้ แล้วก็แสดงนำโดยไมล์ส เทลเลอร์, หนังx เกล็น พาวเวลล์ รวมทั้งจอน แฮมม์ ทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศเมื่อฉายรอบรอบแรกในพฤษภาคม โดยทำรายได้ในประเทศมากยิ่งกว่า 675.5 ล้านดอลลาร์ และก็จากต่างแดน 709.3 ล้านดอลลาร์ในโรงหนัง แปลงเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของปีที่ทำ รายได้ ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลก…

หยุดไปดูหนัง? แต่เพราะเหตุใดต้องดูหนัง เมื่อเครียดที่สุดช่วยได้ใช่หรือ?

หยุดไปดูหนัง?

แต่เพราะเหตุไรจำต้องดูหนัง เมื่อเครียดที่สุดช่วยได้ใช่หรือ? จำเป็นต้องดูหนังเพียงแค่นั้นใช่ไหม? ดูหนังแนวไหน? หรืออื่นๆที่อาจจะเริ่มต้นสงสัยขึ้นมา สรุปว่าเล่าความเป็นมาก่อน

ก่อนที่ผมจะเรียนรู้หรือสนใจในเรื่องจิตวิเคราะห์ ทัศนคติ เอาจริงเอาจัง ผมก็เป็นแค่คนหนึ่งที่ชอบสังเกต แล้วก็เป็นคนที่มีความเครียด (หนักๆ) อยู่เช่นกัน แม้ว่าจะน้อยครั้ง แต่ว่านิสัยที่ไม่ค่อยขอความเห็นคนไหน ถูกใจแอบคิดหาทางออกผู้เดียวเสมอๆจนบางทีมันใช้เวลายาวนานหลายวัน นับว่าทำให้สุขภาพด้านจิตแย่ไปช่วงหนึ่งได้ จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินจับจ่ายซื้อของเรื่อยเปื่อยอยู่ในห้างฯ แต่ว่าในหัวก็กำลังพิจารณาครุ่นคิด เครียดกับปัญหาที่ยังคิดไม่ตก ก็ได้ผ่านหน้าโรงหนังแห่งหนึ่ง เกิดอะไรดลใจอะไรบางอย่างให้ซื้อตั๋วหนังเข้าไปมองคนเดียวด้วยอารมณ์ไม่ชัดเจนๆกับตัวเอง

หนังประเด็นนั้นไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับสิ่งที่กำลังคิด หรือเครียดอยู่(จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร) แต่มันแปลงเป็นว่าพอเพียงหนังจบ ทุกสิ่งดูเบาลง เท่าที่จำได้ขณะนั้นราวกับจะปล่อยวางบางอย่างลงไป รู้สึกศึกษาค้นพบทางออกโดยบังเอิญ จากวันนั้นเมื่อใดรู้สึกเครียด จึงใช้วิธีนี้เรื่อยมา หรือคิดอะไรไม่ออก ก็หยุดหาหนังดู ทว่าสิ่งหนึ่งที่ผมบางทีอาจผิดแผกเป็น เวลาดูหนัง โดยมากจะเป็นคนค่อนข้างตั้งมั่นมอง และชอบหยุดพอใจเรื่องอื่นๆไปเลย แล้วสนใจ (Focus) แต่หนังที่ดูนั้น

เมื่อเครียดที่สุด ทำไมต้องดูหนัง?

ถ้าเกิดมองแบบเข้าใจในช่วงเวลานี้ หนังav มันก็ไม่ต่างอะไรกับการคิดแบบง่ายๆโดยที่ไม่ต้องใช้แนวทางอะไรเลยเป็น การที่พวกเราได้หยุดจากอะไรก็แล้วแต่ มันก็เหมือนการได้พัก เมื่อได้พักมันก็จะเกิดแรงที่ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่เว้นแม้กระทั้งสมอง ความคิด จิตใจ ดังนี้จะพูดว่าไม่จำเป็นที่ต้องเป็นการดูหนังก็ได้ เพียงการดูหนังมันมีเนื้อหาจุดเด่นอยู่ (เว้นเสียแต่ ว่าเป็นคนไม่ชอบดูหนัง) เป็นต้นว่า ถ้าหากเปรียบกับการฟังเพลง การฟังเพลงนั้นใช้เพียงแต่ประสาทหู ยิ่งเพลงที่ฟังซ้ำๆเราบางทีอาจเคยชินจนถึงไม่ได้ฟังมันจริงๆโน่นย่อมมีโอกาสให้ความคิดวนกลับไปเรื่องเดิมๆหรือเพลงบางเพลง มีเนื้อหามิได้ช่วยให้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างคนกำลังเครียดเพราะอกหัก ยิ่งฟังเพลงอกหัก ก็ยิ่งตอกตัวเองให้จมไปในที่เดิมเป็นต้น แม้กระนั้นกับหนังหรือภาพยนตร์พวกเราใช้ทั้งตาดู หูฟัง ร่างกายได้พัก สภาพแวดล้อมย่อมต้องอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไม่มีอะไรก่อกวน และก็ยิ่งเป็นหนังที่คิดติดตามไปกับเรื่องทำให้เราลืมเรื่องอื่นๆไปได้ชั่วคราวเป็นอย่างดี…